ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง ลักษณะไหนบ้างไม่รับเคลม
เปิดเงื่อนไข ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง เช็กเลย 9 กรณีที่ไม่รับเคลม เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน
หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า เมื่อจ่ายประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีเบี้ยประกันแพงสุด จะคุ้มครองทุกกรณี หากเกิดอุบัติเหตุแล้วขอเคลมประกันรถได้ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย
เงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 1 ถูกระบุเอาไว้อยู่แล้วในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ซื้อไป เพียงแต่ว่าหลายคนมองข้าม หรือเลือกที่จะไม่อ่านเพราะคิดว่าสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ถูกยกตัวอย่างมาจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือไม่ทันตั้งตัว สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ การรับรู้ข้อมูลว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก พอๆ กับการรู้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง เพราะจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครองในกรณีอะไรบ้าง?
1.จากภาวะสงคราม
ไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อม ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครอง ถ้าเกิดมีสงครามรุกราน หรือสงครามการเมือง เช่น รถยนต์มีรอยกระสุน รถยนต์ถูกระเบิด จะไม่ได้รับคุ้มครองเพราะอยู่เหนือเงื่อนไขที่จะสามารถเคลมได้
2.จากวัตถุปรมาณู
รถยนต์ได้รับความเสียหายจากโรงงานนิวเคลียร์ร้ายแรง หรือโดนระเบิดหรือสารกัมมันตรังสีจากเชื้อเพลิงปรมาณูจนรถยนต์ไฟไหม้ แม้เหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยในประเทศไทย แต่หากเกิดขึ้น ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะไม่ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกับสภาวะสงคราม
3.นอกอาณาเขตคุ้มครอง
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณขับรถยนต์ออกไปใช้ในพื้นที่นอกเหนืออาณาเขตคุ้มครองแล้วถูกรถชน หรือเกิดอุบัติเหตุรถชน ประกันรถยนต์ประเภท 1 จะไม่ให้ความคุ้มครอง คำว่า “นอกเหนืออาณาเขต” หมายถึงสถานที่ที่ไม่ใช่ประเทศไทย เช่น ขับรถไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นต้น
4.นำรถยนต์ไปใช้ในทางผิดกฎหมาย
ใช้ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 แล้วขับรถหนีจากการไล่ล่าของตำรวจ เพราะเพิ่งทำภารกิจปล้นทรัพย์จากผู้อื่นมา แล้วเหยียบเบรครถยนต์ไม่ทันจนแหกโค้งจนขับรถชนเสาไฟฟ้า เมื่อรถยนต์เสียหาย ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะไม่คุ้มครองอยู่แล้วแน่นอน
5.นำรถยนต์ไปใช้ในการแข่งขันความเร็ว
เช่น การนำรถยนต์ไปแข่งบนถนนทางหลวง เพื่อหาผู้ชนะในศึกเจ้าแห่งความเร็ว แล้วดันเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นมา แน่นอนว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครอง เพราะถือว่านำรถยนต์ไปทำให้เกิดอุบัติเหตุที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียหายจนต้องขอเคลมประกันรถ เป็นความตั้งใจเพื่อขอเคลมนั่นเอง
6.ใช้ลากจูงจนเกิดความเสียหาย
กรณีที่รถยนต์เสียกลางทาง แล้วถูกลากจูงไปยังอู่ซ่อมรถหรือศูนย์ซ่อมรถ แต่ระหว่างทางรถยนต์เกิดได้รับความเสียหายระหว่างลากจูง จะไม่สามารถขอเคลมประกันรถยนต์ได้เลย นอกจากว่ามีการจ่ายได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมไว้ก่อนแล้ว
7.นำรถยนต์ไปใช้ผิดประเภท
รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ หากนำไปใช้แบบผิดประเภทแล้วเกิดอุบัติเหตุประกันรถยนต์อาจไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เอาประกัน เพราะถือว่าละเมิดเงื่อนไขในกรมธรรม์
8.เมาแล้วขับ ไม่มีใบขับขี่
เมาแล้วขับ ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนคันอื่นๆ ได้รับความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิต โดยหากตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้เลย
9.ดัดแปลงตัวรถโดยไม่มีการแจ้ง
การแต่งเติมเสริมความเร็ว เสริมความสวยงาม หรือเสริมสมรรถภาพ ต้องแจ้งบริษัทประกันภัยให้ทราบ รวมถึงระบบแก๊สรถยนต์ สามารถติดตั้งได้ นอกจากนี้การจะแต่งรถ ต้องคำนึงถึงหลักกฏหมายด้วยว่าผิดกฏหรือเปล่า เพราะนอกจากจะไปเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันภัยอาจจะไม่รับผิดชอบ
รถยนต์ใช้กี่ปีถึงทำประกันชั้น 1 ไม่ได้
ส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองรถยนต์ ที่มีอายุ 1 – 5 ปี แต่ด้วยการแข่งขันทางธุรกิจ จึงทำให้มีการรับประกันภัยรถยนต์ประเภท1 บางแห่งยันถึง 10 ปีก็มี แต่ก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป หรืออาจเป็นการต่ออายุกับบริษัทประกันภัยเดิม รวมถึงต้องพิจารณาคู่กับการขับรถประวัติดี เช่นประวัติการเคลมรถยนต์ เป็นต้น
อ้างอิงข้อมูล : กรมธรรม์ประกันรถยนต์ประเภท 1 วิริยะประกันภัย , บมจ. เงินติดล้อ
อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market